TOEFL (Test of English as a Foreign Language) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ เป็นการทดสอบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอื่นๆ

การทดสอบ TOEFL วัดทักษะทางภาษาทั้งสี่ด้าน: การอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน โดยแบ่งการทดสอบออกเป็นสี่ส่วนดังนี้

1. การอ่าน (Reading): จะมีทั้งสิ้น 3 บทความจากตำราวิชาการ ซึ่งอาจจะมาจากหลากหลายวิชา ไม่ว่าจะเป็นเคมี ชีววิทยา เทคโนโลยี หรือประวัติศาสตร์ ตามด้วยคำถามแบบเลือกตอบหลายตัวเลือก (multiple choices question)
   
   
2. การฟัง (Listening): ประกอบด้วยการบรรยายหรือบทสนทนา 4 เรื่องจากห้องเรียน การพูดคุยกับอาจารย์ (Office hour) และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในสถานศึกษา ตามด้วยคำถามแบบเลือกตอบหลายตัวเลือก (multiple choices)
   
   
3. การพูด (Speaking): ส่วนการพูดประกอบด้วย xx เรื่อง รวมถึงการพูดในหัวข้อที่คุ้นเคย การตอบคำถามเกี่ยวกับการอ่านและการบรรยายทางวิชาการ และการนำเสนอ
   
   
4. การเขียน (Writing): ส่วนการเขียนประกอบด้วยสองงาน: งานเขียนแบบผสมผสาน (Integrated Writing) ซึ่งกำหนดให้ผู้เข้าสอบสรุปข้อมูลจากข้อความการอ่านและการฟัง และงานเขียนอิสระ (Independent Writing) ซึ่งกำหนดให้ผู้เข้าสอบแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่กำหนด

คะแนนสอบ TOEFL เต็ม 120 คะแนน โดยแบ่งเป็นพาร์ทละ 30 คะแนน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้

• ต่ำ (Low) 0-14 คะแนน
• ปานกลาง (Mid) 15-21 คะแนน
• สูง (High) 22-28 คะแนน
• ดีมาก (Very High) 29-30 คะแนน

คะแนน TOEFL มีอายุ 2 ปี นับจากวันสอบ คะแนน TOEFL สามารถนำไปใช้สมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอื่นๆ ได้ ซึ่งโดยทั่วไปมหาวิทยาลัยที่ใช้คะแนน TOEFL ในการรับสมัคร จะมีเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่ที่ 80 – 100 คะแนน ซึ่งถ้าเป็นมหาลัย Top ของโลกก็มักจะรับที่ 100 คะแนนขึ้นไป